ลูกชี้ชะตาอนาคต ตลอดช่วงหลายปีที่ผ่านมานั้นคนที่เป็น “เจ้าของทีม” เข้ามามีส่วนกับการทำทีมมากขึ้น จากแต่ก่อนที่อาจจะแค่ควักเงินสำหรับการเอาไปใช้ในการทำทีม มาเป็นในสมัยนี้ที่อาจจะถึงขั้นมีการเลือกแล้วว่านักเตะคนไหนที่ควรจะเข้ามาเล่นให้กับทีม แม้ว่าคนๆ นั้นจะเป็นคนที่กุนซือไม่ได้ต้องการตัวจริงๆ ก็ตาม
จริงอยู่ว่าบางครั้งการตัดสินใจของ “เจ้าของทีม” เป็นการตัดสินใจที่ถูกและส่งผลดีกับสโมสร แต่บางกรณีมันก็เป็นการเลือกที่ส่งผลเสียกับทีมอย่างร้ายแรงเช่นกัน และเมื่อเกิดกรณีแบบหลังแล้วมันก็จะทำให้ภาพลักษณ์ของเจ้าของทีมแย่ลงไปอีก เพราะเดิมทีหลายคนก็มองอยู่แล้วว่าคนเป็นเจ้าของทีมไม่ควรจะก้าวก่ายกับเรื่องในสนามมากจนเกินไป
ทั้งนี้ สตอยนี่ มาโนลอฟ เจ้าของทีม ซาร์สโก้ เซโล สโมสรในลีกสูงสุดของประเทศบัลแกเรียเองถือว่าเข้าข่ายหลัง เพราะเขาถึงขั้นวิ่งลงมาในสนามเพื่อสั่งให้นักเตะภายในทีมต้องยอมถอนตัวจากการรับหน้าที่ยิงลูกจุดโทษเลย
เกริ่นก่อนว่าในลีกสูงสุดของบัลแกเรียนั้น เมื่อเตะกันไปครบ 26 นัดแล้วจะมีการแบ่งให้ทีมในกลุ่มลุ้นแชมป์, กลุ่มลุ้นโควตาฟุตบอล ยูโรปา คอนเฟอเรนซ์ ลีก และกลุ่มหนีตกชั้น มาดวลกันอีกที ซึ่งในกลุ่มลุ้นหนีตกชั้นจะมีทั้งหมด 4 ทีมที่ต้องมาหนีตายกัน โดยจะมี 2 ทีมที่รอดแน่นอน, 1 ทีมที่ต้องไปเล่นรอบเพลย์ออฟกับทีมจากลีกระดับ 2 และ 1 ทีมที่ต้องตกชั้น
ในช่วงที่เตะกันแบบฤดูกาลปกติ เซโล ทำผลงานได้เลวร้ายจนถึงขั้นเป็นบ๊วยของลีก ทำให้พวกเขาตัองมาเล่นในกลุ่มลุ้นหนีตกชั้นกับ โลโคโมทีฟ โซเฟีย, ปิริน บลาโกฟกราด และ โบเตฟ วราสต้า ซึ่งพอถึงนัดสุดท้ายแล้วนั้นพวกเขายังมีโอกาสรอดตายอยู่ หลังจากมี 25 คะแนนเท่ากับ วราสต้า โดยทาง เซโล ขอแค่ชนะนัดปิดฤดูกาลให้ได้เท่านั้น เพื่อที่จะได้จบในอันดับที่จะต้องไปเล่นรอบเพลย์ออฟหาทีมเลื่อนชั้น-ตกชั้นกับทีมจากลีกรอง
สำหรับนัดดังกล่าวนั้นเตะกันที่บ้านของ เซโล เอง และถึงแม้ทีมเยือนจะขึ้นนำไปก่อนในนาทีที่ 26 แต่เจ้าถิ่นก็ตามตีเสมอได้ในนาทีที่ 73 โดยถึงแม้อีกสนามหนึ่ง วราสต้า จะนำ บลาโกฟกราด อยู่ แต่ เซโล ขอแค่ประตูเดียวก็เพียงพอสำหรับการต่อลมหายใจของพวกเขา ซึ่งพอถึงช่วงท้ายเกมนั้น โอกาสทองมันก็มาอยู่ตรงหน้า เซโล หลังจากกรรมการให้เจ้าถิ่นได้ลูกจุดโทษ
ทั้งนี้ ยูซูปา ยัฟฟา กองหน้าชาวแกมเบียที่เคยอยู่กับอะคาเดมี่ของ เอซี มิลาน และ ไอน์ทรัค แฟร้งค์เฟิร์ต ตัดสินใจรับหน้าที่ยิงลูกจุดโทษลูกนั้น เพราะมั่นใจว่าตัวเองมีดีพอที่จะยิงเพื่อช่วยทีม แต่ประเด็นก็คือมันมีการกำหนดเอาไว้แล้วว่า มาร์ติน คาฟดานสกี้ กองหลังกัปตันทีม คือเพชฌฆาตเบอร์ 1 ของทีมสำหรับการยิงเป้า
เมื่อเห็นอย่างนั้น มาโนลอฟ ก็ปรี่ลงมาในสนามทันที พร้อมกับสั่งให้ ยัฟฟา ถอยไปไกลๆ เพื่อที่จะได้ให้ คาฟดานสกี้ เป็นคนยิงลูกจุดโทษลูกที่จะตัดสินชะตาของทีม ซึ่งเหตุการณ์นี้ทำให้ ยัฟฟา ไม่พอใจมากๆ จนทำให้ทั้งคู่มีปากเสียงกันอย่างรุนแรง
ความเลวร้ายไม่ได้จบแค่นั้น เพราะสุดท้าย คาฟดานสกี้ ก็ยิงลูกจุดโทษไม่เข้า ก่อนที่กรรมการจะเป่าจบเกมการแข่งขันไปจนทำให้ เซโล ทำได้แค่เปิดบ้านเสมอกับ โซเฟีย 1-1 ขณะที่อีกสนาม วราสต้า เอาชนะ บลาโกฟกราด 5-3 ส่งผลให้ตามกฎแล้ว เซโล ต้องหล่นไปเล่นในดิวิชั่น 2 หลังจากที่เพิ่งขึ้นมาเล่นในลีกสูงสุดได้เป็นครั้งแรกเมื่อฤดูกาล 2019-20
แต่เดี๋ยวก่อน เรื่องราวไม่ได้มีแค่นั้น เพราะหลังจากตกชั้นแล้วนั้น มาโนลอฟ ก็ประกาศยุบสโมสรทันที เพราะมองว่าเม็ดเงินที่ลงทุนไปมันเป็นการลงทุนที่เปล่าประโยชน์ ทำให้มันถือเป็นเรื่องน่าเสียดายสำหรับแฟนบอลชองทีมนี้ เพราะพวกเขาเพิ่งก่อตั้งสโมสรเมื่อปี 2015 เอง “สโมสรมีช่วงเวลา 3 ปีที่ดีกับการเล่นในลีกสูงสุด
แต่มันถึงเวลาที่สโมสรจะต้องจากไปแล้ว และจะไม่ร่วมลงแข่งฟุตบอลอาชีพในฤดูกาลหน้า เราประกาศยุบทีมตั้งแต่ตอนนี้เลยเพื่อที่สหภาพฟุตบอลบัลแกเรียจะได้จัดการทุกอย่างตามที่พวกเขามองว่ามันเหมาะสม”
“การลงทุนกับวงการฟุตบอลบัลแกเรียมันเป็นวิธีเสียเงินไปเปล่าๆ ที่ง่ายที่สุดแล้ว มันขาดรากฐานสำหรับการพัฒนาที่ดี เงินมันเสียไปโดยเปล่าประโยชน์ แต่เราก็ต้องยอมรับว่าที่ผ่านมาเรามีช่วงเวลาดีๆ มากพอกับการเล่นในลีกสูงสุด รวมถึงการเล่นใน ดิวิชั่น 2 เมื่อก่อนหน้านี้ ผมอยากจะขอบคุณนักเตะ, เหล่าโค้ช และสตาฟฟ์ทุกคน”
สำหรับสาเหตุที่เจ้าตัวถึงขั้นลงไปในสนามเพื่อสั่งให้เปลี่ยนคนยิงลูกจุดโทษนั้น เจ้าของทีม เซโล ให้เหตุผลว่าสำหรับตนแล้ว คาฟดานสกี้ ทุ่มเทให้กับทีมอย่างหนักตลอดช่วงที่ผ่านมา ทำให้เขามองว่ามันก็ควรจะต้องเป็น คาฟดานสกี้ ที่จะได้ยิงลูกจุดโทษลูกนี้ “ผมอยากจบการเดินทางนี้ด้วยชัยชนะ และ มาร์ติน คาฟดานสกี้ ก็ทุ่มเทให้กับทีมของเราอย่างหนัก เขาสมควรที่จะได้เป็นคนยิงลูกจุดโทษลูกนั้น”
อ่านข่าวกีฬาทุกวันได้ที่เว็บ : เว็บแทงบอล ไทยลีก
แหล่งที่มา : siamsport.co.th